ด้านจุดเปลี่ยนของหมอลำ ในสังคมไทยถิ่นอีสาน
1. พัฒนาการของหมอลำจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ชอบ ดีสวนโคก (2554) สัมนาเรื่อง หมอแคน :
ภูมิรู้และภูมิปัญญาเชิงคีตศิลป์กับการสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม, เมือวันที่ 4 มิถุนายน 2554 ได้เล่าถึงความเป็นมาของหมอลำว่า
หมอลำนั้นเริ่มต้นมาจากบุคคลที่มีศีลมีธรรม “หมอลำ”
จึงเกิดขึ้นจากกลุ่มคนเหล่านี้องค์ประกอบที่สำคัญของหมอลำคือ
1.) ผู้แต่งกลอนลำ
มาจากวัดจากการบวชเรียนลักษณะของกลอนลำที่แต่งส่วนมากจะมาจากปราชญาชุมชน
และมาจาก เชียงขวาง ประเทศลาว สมัยก่อนคนส่วนใหญ่จะเชื่อเรื่องวิญาณนิยม
เชื่อเรื่องผี และในวิถีชุมนั้นอยากจะอยู่รอดปลอดภัยจึงต้องทำการบวงสรวง วิงวอนต่อ
“ผีแถน” กลายมาเป็นคนพูดที่มีจังหวะ
มีสำเนียงที่เกิดความไพเราะเพื่อให้ผีแถนเกิดความเมตาสงสารจะได้อยู่รอดปลอดภัย
และก่อนที่จะเรียกว่า “ลำ” ในปัจจุบันนี้
สมัยก่อนนั้นเรียกว่า “ขับ”
หมอลำและนักแต่งกลอนลำนั้นสมัยก่อนมาจากพระพุทธศาสนา
โดยจากการบวชและได้ลาสิขาบท
ออกมาแล้วได้นำนิทานชาดกเวชสันดรออกมาเทศและนำออกเผยแพร่
นำมาพูดจากันในชุมชนแล้วนำไปทำการแสดงเป็นหมอลำ จนเกิดภูมิรู้ ภูมิธรรม
ความรู้เหล่านี้เรียกว่า “ผญาปัญญา” และได้นำไปบอกไปสอนกันจนกลายเป็น
ภูมิปัญญาจากความรู้ และจากพระพุทธศาสนา
2.) การเกิดลำ
ลำ คือ สิ่งที่สัมผัส (ก่าย) กันไปยาว ๆ เป็นเรื่องเป็นราว
หรืออาจกล่าวได้ว่า ลำ เกิดจากการเล่าเรื่อง กลอนนิทาน (ลำพื้น) พื้น คือ
เป็นเรื่องราว ลำพื้นจะลำเพียงคนเดียวส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย
และอาจกล่าวไปถึงลำอีกประเภทหนึ่งที่ใช้ปัญญาในการตอบโต้กันคือ “ลำผญา” หมายถึงเอาปัญญามาสอดคล้องกัน เรียกว่า “ลำเกี้ยวผญา”และได้พัฒนามาเป็นลำหลาย ๆ
คนจนต่อมาได้พัฒนาปรับเปลี่ยนให้ทันยุกต์ทันสมัยขึ้น จนกลายมาเป็น “ลำเรื่องต่อกลอน” เพราะผู้ฟังอยากมีส่วนร่วมในการแสดงด้วย
เนื้อหาส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ต่างกับลำพื้นมาก จะลำเป็นเนื้อเรื่องนิทานก็ได้
ลำทางสั้น ลำทางยาว ลำเต้ย เป็นต้น
จึงสรุปได้ว่า ผู้แต่งกลอนลำนั้นเป็นผู้ที่มีบทบาทมาก
จึงเป็นผู้ที่มี ภูมิรู้ ภูมิธรรม และภูมิปัญญา โดยมองในแง่ของคุณธรรมและจริยธรรม
ส่วนกลอนลำนั้นเกิดจากพระพุทธศาสนาจากคำสอนจนกลายเป็น ฮิต 12 คอง 14
เกิดจากผู้ที่เคยบวชแล้วสึกออกมาแล้วนำเนื้อหาทางพระพุทธศาสนามาแต่งเป็นกลอนลำ
จนถือได้ว่ากลอนลำเป็นจารีตประเพณีของชาวอีสานก็ว่าได้
2. การเปลี่ยนแปลงของหมอลำกลอนย้อนยุคมาเป็นหมอลำกลอนประยุกต์
(ลำซิ่ง)
2.1 ลำกลอนย้อนยุกต์ ในปี พ.ศ. 2508 แม่ครูราตรี
ศรีวิไล อายุได้เพียง 14 ปี และได้มีโอกาสออกลำครั้งแรก โดยแม่ครูราตรี
ศรีวิไลนั้นลำคนเดียวไม่มีหมอลำฝ่ายชายและไม่มีแคนเป่าให้จังหวะเลย
หลังจากนั้นจึงเกิดความภูมิใจในการแสดงในวันนั้นจึงออกลำเรื่อยมา
2.2 ลำหมู่หรือลำเรื่องต่อกลอน ในปี พ.ศ. 2552
หมอลำกลอนธรรมดานั้นได้ซบเซาลงมาก โดยมีหมอลำหมู่
และเพลงลูกทุ่งเข้ามาแทนที่หมอลำกลอน แม่ครูราตรี ศรีวิไล จึงได้เปลี่ยนผันตนเองจากเป็นหมอลำกลอนไปเป็นนางหมอลำหมอลำหมู่
ในอายุ 15 ปี
2.3 ลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) ในปี พ.ศ.2529
แม่ครูราตรี ศรีวิไลได้กลับมาแสดงลำกลอนธรรมดาเหมือนเดิมเนื่องจาก
วงหมอลำหมู่นั้นต้องได้แจงค่าใช้จ่ายกันมากไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ แต่แล้วแม่ครูราตรี
ศรีวิไลก็พบว่า ผู้คนซบเซาลงอย่างมากเพราะคนไปสนใจในภาพยนตร์ หมอลำหมู่
และดนตรีลูกทุ่งกันหมด แม่ครูราตรี ศรีวิไล กับพี่ชาย สุนทร ชัยรุ่งเรือง
จึงได้ปรับปรุงประยุกต์ เนื้อหาของกลอนลำ ท่วงทำนอง ลีลาท่าฟ้อน
ให้ทันสมัยขึ้นกว่าเดิมจนกลายมาเป็นลำกลอนประยุกต์ (ลำซิ่ง) มาจนถึงปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเมื่อ ปี พ.ศ. 2515
ทำให้แม่ครูราตรี ศรีวิไลได้เริ่มเปิดการเรียนการสอนหมอลำแบบเรียนประจำ
โดยลูกศิษย์มาสมัครเรียนและเข้ามาอยู่ในความปกครองและการเลี้ยงดูอยู่กินที่บ้านครูผู้สอน
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่
ซึ่งแม่ครูราตรีศรีวิไลได้เล็งเห็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนโดยการได้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายทั้งผู้เรียนแลผู้สอน
จึงได้ผลิตสื่อ การเรียนการสอนหมอลำแบบเรียนทางไปรษณีย์ (เรียนด้วยตนเอง)
ประกอบการด้วยหนังสือคู่มือบทกลอนลำ และเทป ซีดี วีซีดี ทำนองลำ
เมื่อท่องจำกลอนได้ตามหลักสูตรแล้ว
ให้เข้ามาฝึกซ้อมท่าทางประกอบการลำโดยเข้ามาพักที่บ้านครู การเรียนทางไปรษณีย์
จึงเป็นการเผยแพร่ให้รวดเร็ว และทั่วถึงกลุ่มผู้สนใจมากยิ่งขึ้น
ได้เริ่มสอนทางไปรษณีย์เมื่อ ปี พ.ศ.2537 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน
แม่ครูราตรี ศรีวิไล
ได้ใช้บทบาทการแสดงหมอลำเป็นสื่อพื้นบ้านในการรณรงค์เผยแพร่ข่าวสารบ้านเมืองช่วยเหลืองานราชการในโครงการต่าง
ๆ อาทิเช่น โครงการวางแผนครอบครัว ส่งเสริมเผยแพร่ประชาธิปไตย อีสานไม่กินปลาดิบ ต่อต้านโรคเอดส์ ต่อต้านยาเสพติด
เชิญชวนท่องเที่ยวไทยและโครงการร่วมคิดร่วมสร้างร่วมร่างรัฐธรรมนูญ เป็นต้น
เนื่องจากแม่ครูราตรีศรีวิไลเป็นทั้งนักแต่งกลอนลำ
นักแสดงหมอลำ
รวมทั้งเป็นนักอนุรักษ์และพัฒนาทั้งการแสดงและการออกแบบเครื่องแต่งกาย
เช่นชุดหมอลำ หางเครื่อง นักดนตรี
การพัฒนารูปแบบการแสดงให้ทันเหตุการณ์ตามยุคตามสมัย
และพัฒนารูปแบบการแต่งกายของนักแสดง โดยการนำเอาผ้าหมี่
ผ้าไหมพื้นบ้านมาประยุกต์ใช้ตัดเป็นทรงให้ทันสมัยตามความเหมาะสม
(ภาพรวมจะเน้นการอยู่ในบนพื้นฐานของวัฒนธรรมไทย)
จึงเป็นการจูงใจให้ลูกศิษย์นิยมชมชอบในความคิดสร้างสรรค์ของแม่ครูราตรี ศรีวิไล
ได้หลั่งไหล เข้ามาเรียนมากมาย รวมทั้งเจ้าภาพจากหน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งภาครัฐและเอกชน มาติดต่อให้แต่งกลอนลำ และนำไปแสดงเผยแพร่ในงานต่าง ๆ
เป็นประจำมากมายพอสมควร จนถึงปัจจุบัน
จุดเปลี่ยนของหมอลำจากการสัมภาษณ์
ในปัจจุบันนี้หมอลำเหลือแต่หมอลำรุ่นเก่าที่สามารถ่ายทอดหมอลำกลอนย้อนยุคได้ดี
เพราะหมอลำรุ่นเก่าให้ความรู้ได้ดี
สามารถถ่ายทอดและสืบทอดให้หมอลำเป็นสื่อในการเล่าเรื่องได้
และหมอลำรุ่นเก่าก็เหลืออยู่ไม่มากนัก
ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเสี่ยงของการสูญเสียหมอลำ ได้แก่
สถานที่จัดงานคับแคบ ราคาการจ้างแพง คนทะเลาะวิวาท เวลาหมอลำไปแสดงคนจะชกต่อยกันหน้าเวทีหมอลำตลอด
ทำให้ภาพพจน์ของหมอลำเสียหายอย่างมากจึงทำให้คนสนใจจ้างหมอลำน้อยลง
คนที่จะอนุรักษ์หมอลำก็เหลือน้อยเต็มที่แล้วเหลือแต่หมอลำรุ่นเก่าโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นการสืบสานกันทางด้านเครือญาติหรือลูกหลานเท่านั้นการสูญเสียวัฒนธรรมของหมอลำรุ่นเก่าไป
นั้นอาจเกิดจากการแต่งกายของหมอลำรุ่นใหม่โดยการใส่กระโปงเขินนุ่งน้อยห่มน้อยเป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น