1.1 ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
หมอลำจัดว่าเป็นการแสดงทั้งศาสตร์และศิลป์ในขณะเดียวกันเพราะว่านอกจาก
หมอลำจะให้ความบันเทิงแล้ว
ยังให้ความรู้ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ผู้ฟัง เช่น
การให้ความรู้และการดำเนินชีวิตในสังคม ส่วนทางอ้อม คือ การใช้เป็นสื่อในการอบรม
สั่งสอน โดยแทรกคำสอนในพระพุทธศาสนา ค่านิยม และกฎเกณฑ์ ในสังคมที่ควรปฏิบัติ อนึ่ง
หมอลำเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้าน
ที่มีบทบาทด้านการให้ความรู้และความบันเทิงเป็นสื่อในการบันทึกพฤติกรรมของคนในสังคม
เป็นสื่อในการสืบทอดวัฒนธรรม ประเพณีและความเชื่อต่าง ๆ
จึงเห็นได้ว่าหมอลำเป็นศิลปะการแสดงที่ผูกพันกับชีวิตชาวอีสานได้สืบทอดมาหลายชั่วอายุจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม หมอลำ
ถือว่าเป็นศิลปะการแสดงที่สะท้อนให้เห็นรากเหง้าของคน
ในท้องถิ่นได้อย่างชัดเจน โดยผ่านตัว บทที่มีผู้แสดงถ่ายทอดออกมาสู่สาธารณะอย่างเปิดเผย
ไม่เพียงแต่เป็นผู้บริโภคสื่อรับตัวบทจากผู้แสดงเท่านั้น
สิ่งสำคัญของหมอลำ ก็คือ ความอบอวลของบรรยากาศแห่งงานบุญหรือเทศกาล
หมอลำจึงไม่ได้หมายถึง หมอลำที่มีหมอแคน คนลำ หางเครื่อง ดนตรี ฉากไฟ แสง สี
แต่หมายถึง การขับเคลื่อนบรรยากาศวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น บนพื้นที่แห่งความพึงพอใจและเพลิดเพลินเป็นรูปลักษณ์ของการแสดงที่เป็นชุมทางเรื่องราวของสังคมและมานุษยวิทยาอย่างสมบูรณ์
หมอลำเป็นวัฒนธรรมย่อย (Sub-Culture) ที่มีอำนาจทางการแสดงออกที่ทรงอิทธิพลต่อคนอีสานทุกยุคทุกสมัยจากอดีตถึงปัจจุบัน
ฉะนั้น หมอลำจึงเป็นศิลปะการแสดงภาคประชาชนระดับรากหญ้าที่มีขนบแต่ไร้รูปแบบ
ที่สามารถปรับกระบวนท่า ของตัวตนได้ทุกลักษณะพื้นที่และเวลา
ฉะนั้น อาจกล่าวได้ว่า หมอลำ
เป็นศาสตร์แห่งการแสดงศิลปะพื้นบ้านที่มีคุณค่า
และมีความสำคัญยิ่งต่อชาวอีสานจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เพราะให้ทั้งความสนุกสนานเพลิดเพลินและความรู้
ควบคู่กันไป
คือ สอดแทรกความรู้ ความคิด คติธรรม ความเชื่อ
ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ
ที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความเฉลียวฉลาด
และมีส่วนช่วยส่งเสริมจริยธรรม รักษาบรรทัดฐานของสังคมช่วยอนุรักษ์วรรณกรรมและศิลปะพื้นบ้านแล้ว
หมอลำยังเป็นสื่อในการถ่ายทอดความคิดเห็นของประชาชน
เป็นภูมิปัญญาของชุมชนในสมัยที่การศึกษายังไม่เจริญเหมือนทุกวันนี้
ถือเป็นการศึกษานอกระบบที่เน้นความประพฤติ สอนให้คนเป็นคนดี และในสมัยหนึ่ง
หมอลำยังมีบทบาทในการช่วยเผยแผ่ความรู้ด้านการเมือง ชี้แนะให้ประชาชนเข้าใจในการปกครองระบอบประชาธิปไตย และให้ความรู้ต่าง ๆ เช่น การวางแผนครอบครัว การคุมกำเนิด
การรับประทานอาหารถูกสุขลักษณะ เป็นต้น
โดยเฉพาะในยุคที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
หมอลำได้รับการยกย่องว่า เป็นปราชญ์ของสังคม เพราะเป็นผู้สืบทอดและถ่ายทอดภูมิปัญญา
ตลอดจนวิถีชีวิตของคน ในท้องถิ่นควบคู่กับวัด ทั้งนี้
เพราะผู้ที่จะเป็นหมอลำที่ดีได้นั้น
จะต้องเป็นผู้มีความรอบรู้หลายด้านและหลากหลาย
เช่น ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ การทำมาหาเลี้ยงชีพ ขนบธรรมเนียม ประเพณี บาปบุญคุณโทษ ค่านิยมทางสังคม ข้อธรรมะไปจนถึงนิทานชาดกและข่าวสารบ้านเมือง
อีกทั้งยังมีปฏิภาณไหวพริบในการโต้ตอบและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบนเวทีได้อย่างทันท่วงที
หมอลำจึงมีลักษณะเด่น
คือ เรียบง่าย ไม่ซับซ้อนเชิงสุนทรียภาพเหมือนศิลปะชั้นสูง มีความใกล้ชิดกับผู้ฟัง
และมีความสัมพันธ์ระหว่างศิลปินผู้แสดงกับผู้ฟังผู้ชมหมอลำ
ดังนั้น ผู้จัดทำโครงงาน จึงสนใจที่จะศึกษาประวัติผลงานและพัฒนาการของหมอลำที่มีบทบาทต่อวิถีชีวิตชาวอีสาน
ตลอดจนการประยุกต์สอดแทรกหลักพุทธธรรมในชีวิตประจำวัน พร้อมกับถ่ายทอดองค์ความรู้ต่าง
ๆ สู่กลุ่มผู้ฟังจากอดีตถึงปัจจุบัน
1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1.2.1 เพื่อศึกษาวิวัฒนาการของหมอลำ
1.2.2 เพื่ออนุรักษ์และเผยแพร่การแสดงหมอลำที่ดี
1.3 ขอบเขตของการจัดทำโครงงาน
1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.4.1 รู้เข้าใจศิลปะวัฒนธรรมการแสดงหมอลำ
1.4.2 มีเอกสารเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมการแสดงหมอลำ
1.4.3
เผยแพร่และร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมการแสดงหมอลำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น